ธรรมชาติบำบัด
นพ.บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล dr.banchob@balavi.com http://www.balavi.com
กล่าวกันว่าเกิดมาเป็นสัตว์ไม่ว่าจะสปีชี่ส์สูงชั้นหรือต่ำชั้นสักเพียงไหนก็ไม่แคล้วตกอยู่ในวังวนของกิจวัตรสี่สิ่งคือ กิน ขี้ ปี้ นอน
แต่พวกที่จัดตัวเองว่าเป็นสัตว์ชั้นสูงหรือที่เรียกว่าคน ก็จะวางตัวอยู่เหนือสัตว์เดรัจฉาน เพราะมีตัวอัตตาเข้ามาเกี่ยวข้อง จึงสร้างคุณค่าชีวิตของตนเองด้วยกิเลสที่เข้าเคลือบคลุม แล้วกระเสือกกระสนแสวงหาสิ่งที่เรียกว่า กิน กาม เกียรติ
เหมือนกรณีตัวอย่างที่ผมเล่าให้ฟังในมติชนสุดฯ ฉบับที่แล้ว ว่าด้วยชีวิตของคุณซาราม (นามสมมติ) นักการเมืองชาวบังกลาเทศ แสวงหาแต่เรื่องของ 3 ก. สุดท้ายจากความสุขกลายเป็นความทุกข์เห็นๆ ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะแรงผลักดันจาก กาม ให้แสวงทุกอย่างจนเกินพอดี
ทีนี้พอมีชื่อเสียงเกียรติยศ ร่ำรวยเงินทอง แถมอิ่มหมีพีมันด้วยสิ่งบำรุงบำเรอ ครั้นจะสร้างความพอใจตนเองด้วยการเสพเพศรส ก็กลับล้มเหลวโดยสิ้นเชิง
เพราะเขาหารู้ไม่ว่า ธรรมชาติทางเพศนั้นอวัยวะเพศจะแข็งตัวได้ ร่างกายและจิตใจต้องอยู่ในภาวะผ่อนคลาย ด้วยการทำงานของระบบประสาทพาราซิมพาเธติก
แต่ด้วยชีวิตของคุณซารามเอาแต่เร่งเร้าเคร่งครัดในการแสวงหาทุกสิ่งจึงถูกครอบงำด้วยประสาทระบบซิมพาเธติกเป็นเหตุให้อวัยวะเพศไม่แข็งตัว
ครั้นตั้งใจจะให้มันทำงานมากเข้า ประสาทซิมพาเธติกก็พลอยทำให้เกิดการหลั่งเร็วไปซะเฉยๆ เป็นอันเกิดทุกข์ขึ้นอีกแบบหนึ่ง เพราะความคาดหวังสิ่งใดไม่ได้สิ่งนั้นย่อมเป็นทุกข์ 
การมั่วอยู่ในกามนั้นเป็นกิเลสหยาบ ด้วยเหตุนี้ถ้าใครมัวแต่คิดสาละวนอยู่แต่การเสริมเติมพลังทางเพศ ก็เลยตกเป็นเหยื่อของการครหา เสียรังวัดไปหลายเติบ
แต่แท้ที่จริงแล้วสรรพสิ่งมีสองด้านเสมอ แม้แต่เรื่องเสพกาม ใครจะกล้าปฏิเสธว่าไม่ใช่เพราะกามน่ะหรือ จึงมีโลกสีฟ้าใบสวยนี้ขึ้นมา
ศาสนาฮินดูกล้าพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า จักรวาลนี้กำเนิดขึ้นด้วยศิวลึงค์กับโยนีมีปฏิสนธิต่อกัน
ศาสนาพุทธเถรวาทค่อนข้างเข้มงวดในเรื่องนี้และเสนอแนะหนทางของการสละละกิเลสละเลิกกามคุณ
แต่ถ้าใครจะอ่านเรื่องราวพุทธศาสนากว้างไกลไปให้ครบ3 ยาน คือหินยาน มหายาน และวัชรยานแล้วละก็ คุณอาจจะมีอีกทรรศนะทางเพศที่เป็นพลวัตมากขึ้น
ลองอ่านคำสัมภาษณ์ท่านทะไลลามะว่าด้วยชั่วขณะสุดท้ายแห่งชีวิต ท่านให้ทรรศนะต่อการเสพสังวาสว่า
"การร่วมเพศเอื้อต่อการปฏิบัติอย่างไร เนื่องจากจิตระดับหยาบมีศักยภาพที่จำกัดมาก ทว่า จิตละเอียดนั้นทรงพลังยิ่งกว่า ผู้ปฏิบัติก้าวหน้าจึงต้องเข้าถึงจิตละเอียดนี้ ด้วยการทำให้จิตหยาบอ่อนแรงลงและหยุดไปชั่วคราว ภาวะจิตละเอียดมีเพียงช่วงสั้นๆ ระหว่างจามและหาว แต่เห็นชัดว่าเราไม่อาจจะยืดระยะเวลาของมันออกไปได้ ด้วยเหตุนี้จึงต้องอาศัยการร่วมสังวาส การจดจ่อแบบพิเศษในระหว่างที่มีการบรรลุจุดสุดยอดจะช่วยให้ผู้ปฏิบัติที่มีศักยภาพสามารถประคองสภาวะอันละเอียดลึกซึ้งให้เนิ่นนานออกไปได้ทั้งสามารถน้อมนำไปใช้ในการบรรลุถึงความว่างอย่างไรก็ตามถ้าเป็นการร่วมเพศในสภาพจิตทั่วๆ ไป ก็ไม่ก่อประโยชน์อะไร"
ในบทสัมภาษณ์ดังกล่าว ท่านกล่าวถึงภาวะจิตละเอียดมีสอดแทรกอยู่ในห้วงพฤติกรรมบางอย่างในชีวิตประจำวันแต่เราไม่ได้สังเกต
ยกตัวอย่างเช่นการจามการหาว และการบรรลุจุดสุดยอดทางเพศ ซึ่งผู้อ่านก็อาจจะสังเกตได้ว่า มีความรู้สึกซ่าคล้ายๆ กัน ผมเติมให้อีกอย่างคือการขมิบก้น
คุณผู้อ่านลองขมิบดูซิ จะพบความรู้สึกซ่าเล็กๆ ขึ้น ความรู้สึกนี้ไปตรงกับความรู้สึกรู้ตัวทั่วพร้อมทั่วผิวกายขณะที่เรานั่งสมาธิตรงจังหวะที่จิตกำลังเริ่มจะรวมนั่นแหละท่านกล่าวว่าในห้วงเวลานั้นเกิดจิตละเอียดขึ้นมา
รายละเอียดกว่านี้เชิญไปอ่านและวิเคราะห์กับท่านผู้รู้ต่อไป
นี่คงเป็นการเปิดมุมมองให้กว้างไกลขึ้นในเรื่องของเพศว่าแท้ที่จริงแล้วก็มีสองด้านมีพลวัตในตัวของมันเอง ผมก็เลยถือโอกาสนี้โน้มนำผู้อ่านเรียนรู้เรื่องถั่งเช่า กับการเพศองค์รวมเสียเลยดังต่อไปนี้
ถั่งเช่า หรือชื่อเต็มทางภาษาจีนว่า ตงฉงเซี่ยเฉ่า เป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งที่ขึ้นในบริเวณที่ราบสูงทิเบต
สมุนไพรนี้มีความเป็นมาอันแปลกประหลาด กล่าวคือมันมีกำเนิดมาจากหนอนชนิดหนึ่งที่ไปกินเชื้อราในดิน ที่มีคุณสมบัติเป็นยาชื่อ Ophiocordyceps sinensis
เชื้อรานี้จะเพาะตัวอยู่ในลำไส้ของหนอนในช่วงหน้าหนาว เพิ่มจำนวนมากขึ้นทุกที จนกระทั่งบรรจุอยู่เต็มพุงของหนอน หนอนก็ตายลง
จากนั้นเมื่อภูมิอากาศมีความชื้นเพิ่มขึ้นจากฝนในฤดูร้อน เชื้อราในซากหนอนก็จะงอกขึ้นมาเป็นต้นโดยงอกขึ้นมาจากปากของหนอนพอดิบพอดี ทำให้เราเห็นเป็นลำต้น
คนจีนจึงตั้งชื่อมันอันหมายถึงว่า ฤดูหนาวเป็นหนอน ฤดูร้อนเป็นหญ้า
ถั่งเช่าถูกแรงโฆษณากับเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่า เป็นยาโด๊ปทางเพศ แต่เอาเข้าจริงๆ แล้ว นั่นเป็นเพียงกระพี้ของถั่งเช่า มันอาจโด๊ปได้หรือโด๊ปไม่ได้ยังต้องประกอบด้วยปัจจัยหลายอย่าง จึงไม่ควรหลงเชื่อตามคลิปใดๆ ในฤทธิ์ด้านนี้ของถั่งเช่า
"ถั่งเช่ามีสรรพคุณทางยาคือมีฤทธิ์อุ่นร้อน ช่วยเสริมหยางของปอดและไต มีประโยชน์ในการรักษาโรคปอดเรื้อรัง ไอเป็นเลือด วัณโรค ช่วยขับเสมหะ ขจัดพิษทางลมหายใจ รักษาคนอ่อนเพลียหายใจไม่เต็มอิ่ม ส่วนฤทธิ์ในการเสริมไตอาจจะเสริมสมรรถภาพทางเพศได้บ้าง แต่ประโยชน์ที่แท้ของการเสริมไตก็คือ ช่วยรักษาคนอ่อนเพลีย ซูบผอม ขาดเรี่ยวแรง หัวเข่าอ่อนแรง นอนไม่หลับอย่างนั้นมากกว่า"เป็นความรู้จากคุณหมออภิวัฒน์ ธนะปุระ หมอหนุ่มไฟแรงซึ่งจบมาจากคณะแพทยศาสตร์แผนจีน มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ และปัจจุบันมานั่งอยู่ข้างๆ ผมที่บัลวีนี้เอง
"วิธีกินก็คือใช้สัก 2-3 ตัวต้มกับน้ำร้อนกาเล็กๆ ดื่มแทนชา" คุณหมอตอบ "แต่เนื่องจากมันราคาแพง กินแต่ละครั้งก็ควรต้มให้นานหน่อย อาจตุ๋นกับเนื้อหมู เนื้อไก่ก็ได้"
"ถั่งเช่ามีการวิจัยว่าสารประกอบตัวสำคัญคือ คอร์ดัยเซพิน การวิจัยมากมายพิสูจน์ว่ามันช่วยปกป้องตับ ปกป้องไขกระดูกจากการฉายรังสี มีฤทธิ์ปรับสารสื่อนำประสาทรักษาอาการซึมเศร้า แถมช่วยสมดุลของน้ำตาลในเลือด เพิ่มพลกำลังด้วยการผลิตสาร ATP เพิ่มขึ้นในเซลล์กล้ามเนื้อด้วย"
มีเรื่องโด่งดังมากในการแข่งขันโอลิมปิกปี 1993 ที่ปักกิ่งนักกรีฑาหญิงสามคนของจีนคือ หวางจุนเสีย ชูยุนเสีย และจางหลินลี่ทำลายสถิติโลกถึง 5 รางวัล คณะกรรมการพยายามจะตรวจปริมาณสารยาโด๊ปในเลือดของนักกีฬาทั้งสามแต่ก็ไม่พบอะไรที่ผิดกติกา สุดท้าย โค้ชหม่าจุนเร่อ เปิดเผยว่าคนทั้งสามกินถั่งเช่าเป็นประจำ ถั่งเช่าก็เลยดังขึ้นมานับแต่นั้น
อย่างไรก็ตามเราคงต้องใช้ทรรศนะ การเพศแบบองค์รวม ดังนั้น ลำพังการเสริมสมรรถนะทางเพศคงไม่ใช่โด๊ปด้วยถั่งเช่าจะได้ผลเสมอไป
สมรรถภาพทางเพศจะดีต้องใช้หลักพอเพียงกล่าวคือเริ่มจากจิตใจที่เป็นปกติ สงบ ผ่อนคลาย ไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่ยึดติด
ทางร่างกายต้องแข็งแรงปราศจากโรคภัย ตั้งแต่ความอ้วน ไขมันเลือดสูง เบาหวาน นอนไม่หลับ หรือโรคเรื้อรังอื่นๆ เมื่อประกอบด้วยปัจจัยทั้งสองด้านแล้ว เพศรสที่เหมาะสมก็จะเกิดขึ้นเอง
อย่างไรก็ตาม ถึงตรงนี้หลายคนก็อาจจะต้องการตัวช่วย ขอบอกว่าอย่ายึดติดกับถั่งเช่าเลย มีตำรับยาจีนที่น่าสนใจ ประกอบด้วย ซั่วหยาง หยินหยางฮั่ว ลู่หลง หงฮวา ซานเย่า โก่วฉีจื่อ ฉู่สือจื่อ จิ่วไช่จื่อ ตำรับนี้มีการปรุงขึ้นเป็นเม็ดแคปซูล มีจำหน่ายในจีนและมีทะเบียนยาในประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว
ผมใช้เสริมบำรุงทางด้านนี้ให้กับผู้ป่วยได้ค่อนข้างดี
โดยตำนานมีอยู่ว่าเจ้าหยินหยางฮั่วเป็นหญ้าอยู่ในมณฑลซินเกียงชาวบ้านต้อนฝูงแกะผ่านทุ่งหญ้าแห่งนั้นแกะกินหญ้าแล้วเกิดความคึกคักทางเพศกันทั้งฝูง คนเลี้ยงแกะเอาไปกินบ้างก็เกิดผลเดียวกัน จนคนทั้งหมู่บ้านพลอยคึกคักกันไปด้วยหญ้าชนิดนี้
ภายหลังจีนจึงนำมาเป็นส่วนประกอบของตำรับยาเพิ่มพลังหยางแก่ไตอย่างสำคัญ
ตำรับนี้ไม่เหมือนไวอะกร้า กล่าวคือ มันเป็นยาจีนเสริมบำรุงหยางไตเฉยๆ กินแล้วใช้งานก็ได้ผล ไม่ใช้งานก็ถือเป็นการเสริมบำรุงไปเป็นธรรมดา
จึงผิดแผกแตกต่างจากยาเคมีด้วยประการฉะนี้
ที่มา มติชนสุดสัปดาห์ ภาพ อินเทอร์เน็ต
