cheap-health อาหารเสริมถูกที่สุดในประเทศไทย

 

ทุเรียนน้ำหรือทุเรียนเทศกับโรคมะเร็ง

30 มิถุนายน 2556

เริ่มโดย ปรัชญา วงแหวน ใน บทความดี ๆ แก้ไขล่าสุด 30 มิถุนายน 2556

เข้าชม 931

> ทุเรียนเทศ ทุเรียนน้ำ ทุเรียนแขกกับการต้านมะเร็งกว่า 10000 เท่า  Guyabano หรือ Sour Sop เป็น ผลไม้พื้นเมืองในประเทศฟิลิปปินส์  ซึ่งสามารถพบได้ในบราซิลด้วย ซึ่งเรียกว่า Graviola เป็นผลไม้ขนาดใหญ่กว่าฝรั่งไม่มาก แต่ไม่เท่าส้มโอ มีหนามแต่ไม่แหลม คนฟิลิปปินส์จะรับประทานน้ำจากผลไม้ ซึ่งมีผลการรับรองจากแล็บมากมายว่าผลไม้ชนิดนี้สามารถช่วยในการ...ฆ่าเซลส์ มะเร็งกว่า 12 ชนิดซึ่งรวมถึง มะเร็งลำไส้ มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกมาก มะเร็งปอด และมะเร็งตับอ่อน

ทุเรียนเทศ สมุนไพร ต้านมะเร็ง ที่มีชื่อเสียงมากในต่างประเทศแต่ในประเทศไทยไม่เป็นที่รู้จักมากนัก  มีชื่อสามัญว่า Soursop ทุเรียนเทศเป็นพืชเขตร้อน มีถิ่นกำเนิดในเขตร้อนของอเมริกา เป็นพืชในวงศ์เดียวกับน้อยหน่า น้อยโหน่ง เริ่มแพร่กระจายไปสู่พื้นที่เขตร้อนทั่วโลกราวคริสต์ศตวรรษที่16 และแพร่กระจายมายังประเทศฟิลิปปินส์รวมทั้งประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยนักเดินเรือชาวสเปน มีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไปตามแต่ละท้องถิ่น เช่น ทุเรียนน้ำ,หมากเขียบหลด,ทุเรียนแขก ดูกันที่รูปประกอบนะคะ ส่วนในประเทศไทยพบมากในภาคใต้และในประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์พบว่าได้มีการ แปรรูปเป็นน้ำทุเรียนเทศเข้มข้น และน้ำทุเรียนเทศบรรจุกล่องพร้อมดื่ม ในร้านขายเครื่องดื่มแถวรัฐปีนังของประเทศมาเลเซียจะมีเครื่องดื่มน้ำ ทุเรียนเทศ ขายปะปนกับน้ำผลไม้ชนิดอื่นๆ และที่สิงคโปร์นั้น น้ำทุเรียนเทศเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมมาก ส่วนใหญ่นำเข้าวัตถุดิบจากมาเลเซียและอินโดนีเซีย
ลักษณะเด่นของทุเรียนเทศไม่ใช่ที่ เนื้อหวานทานอร่อย แต่เป็นประโยชน์ทางยารักษาโรคค่ะ ทุกส่วนของต้นทุเรียนเทศใช้เป็นยาสมุนไพรในการรักษาโรคในทวีปอเมริกาใต้ มาตั้งแต่สมัยโบราณ ผลและน้ำผลไม้ใช้เป็นยาขับพยาธิ แก้ไข้ เพิ่มนมให้มารดาหลังคลอด รักษาโรคท้องเสียและโรคบิด
เมล็ดบดใช้เป็นยาขับพยาธิ ยากำจัดเหา  เปลือก ใบและรากใช้รักษาโรคซึมเศร้า โรคเครียดและโรคประสาท
คุณสมบัติที่สำคัญที่สุดของทุเรียนเทศ คือ ใช้รักษาโรคมะเร็ง ตั้งแต่ปี ค.ศ 1940 นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบสารที่มีชื่อว่า Annonaceous acetogenins ซึ่งเป็นสารธรรมชาติที่พบใน ใบ ลำต้น เปลือกและเมล็ดของทุเรียนเทศ
จากการวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ 3 กลุ่ม ยืนยันว่าสาร Annonaceous acetogenins นี้สามารถต้านและทำลายเซลล์มะเร็งทุกชนิด (โดยไม่ทำอันตรายเซลล์ที่มีสุขภาพดี)
นอกจากนั้นยังใช้รักษาโรคติดเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา  รักษาโรคความดันโลหิตสูง 
ใบทุเรียนเทศมีความเชื่อกันว่าจะ สามารถช่วยลดเซลล์มะเร็งในผู้ป่วยได้เช่นเดียวกับยาเคมีบำบัด (chemotherapy) และอาจจะดีกว่าตรงที่ชาทุเรียนเทศจะทำลายเฉพาะเซลล์ที่ผิดปกติหรือเซลล์ มะเร็ง แต่ไม่ทำลายเซลล์ปกติ

สรรพคุณทางยา 
ผลสุก รับประทานแก้โรคเลือดออกตามไรฟัน
ผลดิบ รับประทานแก้โรคบิด
เมล็ด ใช้สมานแผลห้ามเลือด ใช้เบื่อปลาและฆ่าแมลง
ใบ นำมาขยี้ผสมกับปูนใช้ทาบริเวณท้องแก้ท้องอืด ใช้รักษาโรคผิวหนัง แก้ไอ ปวดตามข้อ

และ ซึ่งมีผลการรับรองจากแล็บมากมายว่าผลไม้ชนิดนี้สามารถช่วยในการฆ่าเซลส์ มะเร็งกว่า 12 ชนิดซึ่งรวมถึง มะเร็งลำไส้ มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกมาก มะเร็งปอด และมะเร็งตับอ่อน ผลจากการรับประทานยาที่สกัดจากทุเรียนเทศ หรือการนำใบมาต้มเป็นชาแล้วรับประทาน จะช่วยในการฆ่าเซลส์มะเร็ง ซึ่งมีประสิทธิภาพมากกว่าการทำคีโมถึง 10,000 เท่า แต่จะไม่ทำร้ายเซลส์ดีในร่างกาย ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่าผลไม้มหัศจรรย์นี้จะช่วยสู้เซลส์มะเร็งอย่างมี ประสิทธิภาพ โดยไม่ก่อให้เกิดการคลื่นเหียนวิงเวียน หรือเกิดอาการผมร่วงเหมือนกับการทำคีโม

ในส่วนที่กินได้ของทุเรียน เทศ 100 กรัม พบว่ามีน้ำ 83.2 กรัม ให้พลังงาน 59 กิโลแคลลอรี ไขมัน 0.2 กรัม คาร์โบไฮเดรท 15.1 กรัม เส้นใย 0.6 กรัม โปรตีน 1.0 กรัม แคลเซียม 14 มิลลิกรัม เหล็ก 0.5 มิลลิกรัม วิตามินบี1 มี 0.08 มิลลิกรัม และวิตามินซี 24 มิลลิกรัม (วิวัฒน์ พันธวุฒิยานนท์. 2541)

• มีงานวิจัยในแถบทะเลแคริบเบียนที่แสดงให้เห็นว่ามีความเชื่อมโยงระหว่างการ รับประทานทุเรียนเทศกับโรคพาร์คินสัน เพราะเมล็ด และ ผลทุเรียนเทศมีสาร annonacin ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคนี้สูง

ข้อมูลสำคัญที่ควรทราบ 
การกินเพื่อรักษามะเร็งนั้น กินจากใบสด หรือแห้งโดยชงเป็นชาดื่ม

มีข้อแนะนำว่า อย่ากินผลทุเรียนเทศมากเกินไป
ผล จากการกินผลทุเรียนเทศ เนื่องจากผลสด1ผล มีสารannonacin 15 milligrams และ1 กระป๋องของ น้ำผลไม้ที่ทำสำเร็จแล้วเพื่อการค้ามี annonacin 36 milligrams.ซึ่งเมือบริโภคมากๆ จะมีผลให้มีแผลในสมอง เป็นโรคพาร์คินสัน
ดังนั้นหลีกเลี่ยงการกินผลสดหรือน้ำผลไม้ผลทุเรียนเทศ จะดีกว่า 

การกินทุเรียนเทศ สำหรับการต่อสู้มะเร็ง
การ กินใบทุเรียนเทศ ให้ใช้ใบตามธรรมชาติ สด หรือใบแห้งในการชงเป็นชา หลีกเลี่ยง ที่จะซื้อผลิตภัณฑ์ที่ผ่านกระบวนการแล้วเช่น ทำเป็นชาซองผ่านกระดาษกรองเป็นต้น.. ขอย้ำ.. ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านกระบวนการการผลิต รูปแบบที่คุณพบได้ในร้านที่ทำเป็นการค้า ถ้ายังไม่เคยสังเกตมาก่อน ประโยชน์จากทุเรียนเทศนั้นคุณจะได้สารที่ธรรมชาติประทานมาให้เราในสภาพตาม ธรรมชาติของมัน แต่ในสโตร์อาหารเสริมนั้น เมือมันผ่านกระบวนการผลิตไปแล้วนั้นบ่อยครั้งที่ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไม่มี คุณสมบัติเหมือนเดิม ที่แย่ที่สุดคือมันจะลดผลที่จะได้ในการรักษาต่อร่างกายของคนไข้อย่างช้าๆ ทำให้คนไข้ต้องใช้ยาอย่างไม่รู้จบ ต้องซื้อใช้ซ้ำๆ ซื้อแล้วซื้ออีก และไม่ได้ผล
วิธีที่ดีที่สุดที่จะบริโภคทุเรียนเทศ คือการกินโดยตรง ( หมายความว่าออกมาจากต้นยังไงก็อย่างนั้น) ไม่ใช่แบบที่ผ่านกระบวนการทำเป็นเม็ด น้ำผลไม้พร้อมดื่ม หรือ สินค้าผ่านกระบวนการแบบที่คุณซื้อในร้านอาหารเสริม อย่าไปหลงกลตกเป็นเครืองมือธุรกิจ เพราะจากการกินตรงๆแบบที่ได้จากธรรมชาติมันจะมีพลังในการรักษา เพราะคุณจะได้สารที่มีคุณสมบัติในการเยียวยา
คุณสมบัติในทางการแพทย์ ที่ได้จากส่วนต่างๆของต้นทุเรียนเทศ หรือทุเรียนน้ำ
- ฆ่ามะเร็ง :  ใบ, หน่ออ่อน
- ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย  :  เปลือกไม้
- ฆ่าพยาธิ : เมล็ด ,เปลือกไม้
- โรคกระเพาะ :  เปลือกไม้
- กระตุ้นการผลิตน้ำนมในแม่ : ผลไม้
- ลดอาการปวด ลดการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อเรียบในลำไส้ : ใบ
- ยากล่อมประสาท คลายเครียด : ใบ
- รักษามาเลเรีย  : ใบ
- เบาหวาน :  ใบ
- - ขยายหลอดเลือด ป้องกันความดันสูง : ใบ
- กล้ามเนื้อหัวใจ :  ดอก
- กำจัดอมีบา :  เปลือกไม้
- ฆ่าเชื้อโรค :   เปลือกไม้ , ใบ
- กำจัดแมลง :  ใบ , ราก


ทุเรียนเทศ มีคุณสมบัติพิเศษ ช่วยบำบัดโรคภัยไข้เจ็บ โดยเฉพาะ โรค "มะเร็ง" มีการศึกษามากมายถึงฤทธิ์ในการสกัดกั้นการเติบโตของเซลมะเร็ง
ที่สำคัญคือ ทุเรียนเทศมีฤทธิ์ที่สำคัญซึ่งถูกนำมาวิจัยกันอย่างจริงจังในสหรัฐอเมริกาว่า สามารถ ฆ่ามะเร็งได้ โดยได้มีงานวิจัยสำคัญที่ผ่านมาดังนี้

  • สถาบันมะเร็งแห่งชาติสหรัฐฯ (NCI) พบคุณสมบัติสำคัญว่า ทุเรียนเทศสามารถ "สยบ" อณูมะเร็งในหลอดทดลองได้ถึง 12 ชนิด โดยเฉพาะ มะเร็งยอดฮิต อย่างมะเร็งเต้านม รังไข่ ลำไล้ใหญ่ ต่อมลูกหมาก ตับ ปอด ตับอ่อน และมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
  • องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐ อเมริกา รับรองผลในการ "เสริมภูมิ" ของทุเรียนเทศนี้ว่า ทำให้ร่างกายแข็งแรง สุขภาพดี สู้กับโรคภัยไข้เจ็บได้ ยกตัวอย่าง โรคติดเชื้อไวรัสเริม และเชื้อพยาธิ
  • มหาวิทยาลัย เพอร์ดิว ได้รับการสนับสนุนการศึกษาต่อมาได้ช่วยยืนยันว่า ทุเรียนเทศเป็นศัตรูตัวร้ายของมะเร็งในมนุษย์จริง โดยเฉพาะ มะเร็งต่อมลูกหมาก และตับอ่อน
  • มหาวิทยาลัยคาทอลิกในเกาหลีใต้ นำสารสกัด ของทุเรียนมาเทียบกับยา "เคมีบำบัด" ซึ่งจัดเป็นยาฆ่ามะเร็งที่มีฤทธิ์แรงทั้งต่อตัวมะเร็งเองและตัวคนไข้ ปรากฎว่า ทุเรียนเทศ ชิงที่ 1 อย่างขาดลอย เพราะมีฤทธิ์มากกว่า ยามะเร็งนับหมื่นเท่า! ที่สำคัญ ไม่ส่งผลร้ายทำลายเนื่อตัวคนไข้ให้ทรุดโทรมไปด้วย นอกจากนี้ คนไข้ที่ดื้อยามะเร็ง นั้น เมื่อใช้สารสกัด ทุเรียนเทศในการบำบัดก็ "เลิกดื้อ" กลับได้ผลตอบสนองเป็นอย่างดี


     ผลจากการรับประทานยาที่สกัดจากทุเรียนน้ำ หรือการนำใบของทุเรียนน้ำมาต้มเป็นชาแล้วรับประทาน จะช่วยในการฆ่าเซลส์มะเร็ง ซึ่งมีประสิทธิภาพมากกว่าการทำคีโมถึง 10,000 เท่า แต่จะไม่ทำร้ายเซลส์ดีในร่างกาย ผลการวิจับแสดงให้เห็นว่าผลไม้มหัศจรรย์นี้จะช่วยสู้เซลส์มะเร็งอย่างมี ประสิทธิภาพ โดยไม่ก่อให้เกิดการคลื่นเหียนวิงเวียน หรือเกิดอาการผมร่วงเหมือนกับการทำคีโม เพราะส่วนผสมนั้นเป็นธรรมชาติทั้งสิ้น ไม่มีเคมีใดๆ และช่วยป้องกันระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายและไม่ก่อนให้เกิดการติดเชื้อ ทำให้ผู้ป่วยที่รับประทานยาสกัดจากทุเรียนน้ำนั้นมีสุขภาพแข็งแรงขึ้น ช่วยให้มีกำลังวังชา

    ตอนนี้ที่ Tagaytay (เป็นเมืองเล็กๆ ทางใต้ของมะนิลา) ที่มีศูนย์ช่วยเหลือ-รักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งโดยชาวแคทอลิก ที่นี่เองจะให้ผู้ป่วยทานชาที่ได้จากการต้มใบของทุเรียนน้ำ ปรากฎว่าผู้ป่วยมากมายที่ค่าของเซลส์มะเร็งลดลง และบางรายถึงกับหาย...


   การรับประทานชาใบทุเรียนเทศ

ใบชาที่ทำให้แห้งโดยการใช้วิธีการ Air Dry จะช่วยทำให้ประโยชน์ในการรักษา นั้นเข้มข้นขึ้น
เมื่อใบแห้งแล้ว ฉีกใบเป็นชิ้นเล็กๆ และตวงให้ได้ 1 ถ้วยตวงต่อน้ำ 1 ลิตร นำไปต้ม และลดไฟให้ต่ำ เคี่ยวอีก 20 นาที ใช้ดื่ม 3 ถ้วยต่อวัน 30 นาทีก่อนมื้ออาหาร

วิธีชงอีกแบบ

-ล้าง ใบประมาณ 2-3ใบ (ใช้ใบแห้งดีกว่าใบสด)

-ใส่น้ำประมาณ1ถ้วยตวง ในหม้อต้ม ต้มจนเดือด

-ตัดใบทุเรียนเทศให้เป็นชิ้นเล็กๆ

-ใส่ใบทุเรียนเทศที่ฉีกเป็นชิ้นในถ้วยชา เติมน้ำเดือดลงไป ทิ้งไว้ประมาณ 30นาที ถึงหนึ่งชั่วโมง

-สามารถดื่ม อุ่นหรือเย็น สามารถเติมน้ำผึ้งเพื่อเพิ่มรสชาติ

ดื่ม น้ำชาแบบนี้ทุกวันเป็นระยะเวลา 30 วัน เพื่อฆ่าเชื้อแบตทีเรียในร่างกาย หากต้องการดื่มติดต่อกันเกิน 30 วัน แต่ร่างกายยังไม่ดีขึ้น ให้พักก่อนสักสัปดาห์จึงค่อยทานชาต่อ

ต้องเลือกใบที่ไม่แก่เกินใบหรือมีสีเขียวเข้มเกินไปในการทำชา ไม่ควรทำให้แห้งด้วยการอบความร้อน

 

ข้อมูลจาก ผลงานวิจัย ยืนยง วาณิชย์ปกรณ์ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ,
เว็บวิกิพิเดีย : งานวิจัยจาก คณะทรัพยากรธรรมชาติ ม.สงขลานครินทร์

Bookmark and Share
Advertising Zone    Close
 
Online:  1
Visits:  53,246
Today:  19
PageView/Month:  228

ยังไม่ได้ลงทะเบียน

เว็บไซต์นี้ยังไม่ได้ลงทะเบียนยืนยันการเป็นเจ้าของเว็บไซต์กับ Siam2Web.com